คุณสมบัติของส่วนประกอบ

1.คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen peptide) คือโปรตีนชนิดหนึ่งทำหน้าที่แตกต่างจากสารโปรตีนโดยทั่ว โดยปกติทั่วไปผิวหนังที่มีคอลลาเจนเป็นโครงสร้างอยู่มาก จึงมีแรงสปริงตัวและยืดหยุ่นได้ดีตามไปด้วย คอลลาเจนนั้นไม่ได้มีอยู่ที่ผิวหนังส่วนนอกเท่านั้น อวัยวะภายในร่างกายเอง ได้แก่ ผังผืด, กระดูกอ่อน, เส้นเอ็น, ข้อต่อ, กระดูก, ผิว

2. ผงผักและผลไม้ ที่หลากหลายชนิดได้แก่ แอปเปิ้ล, แพร์, กีวี, สับปะรด, เสาวรส, เลมอน, แตงกวา, ผักกาดขาว, ผักปวยแล้งและเซอเลอรี่ ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร้างกายมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นตัวช่วยและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ช่วยป้องกันความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย

3. ผักเคล ถูกขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งผักสีเขียวทั้งมวล (Queen of greens) และได้รับการยอมรับว่าเป็น Super food หรืออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและหลากหลาย เมื่อเทียบกับผักอื่นๆในบริมาณเท่ากัน มีไฟเบอร์สูง ช่วยลดความเสี่ยง “โรคเบาหวาน” ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด, ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง, เคล มีลูทีนและซีแซนทีนสูงช่วยปกป้องดวงตา มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันมะเร็ง, เคล มีคลอโรฟิลล์สูงช่วยดักจับสารก่อมะเร็ง, เคล มีโพแทสเซียม ช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจ, ไม่ควรกิน “เคล” มากเกินไป เพราะหากบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ได้

4. ต้นอ่อนข้าวสาลี อุดมไปด้วยกรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุ มีประโยชน์จำนวนมาก ซึ่งมีสรรพคุณดังนี้ ป้องกันการเจริญเติบโตหรือการขยายของเซลล์มะเร็ง, บรรเทาอาการท้องผูก ช่วยดีท็อกซ์, ล้างสารพิษตกค้างในตับ ขับล้างสารพิษออกจากร่างกาย, ช่วยระบบการย่อย และการขับถ่ายให้ดีขึ้น ควบคุมน้ำหนักของร่างกายและ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง สร้างภูมิคุ้มกัน

5. อะโวกาโด เป็นผลไม้ที่ให้ไขมันดีในปริมาณที่สูง ซึ่งจัดเป็น Superfood เพราะมีประโยชน์กับร่างกายมาก ไขมันที่ว่านี้คือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว: Monounsaturated Fat (MUFA) ซึ่งช่วยลดไขมันเลว (LDL-C) ในเลือด ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารชนิดอื่นที่มีประโยชน์อีกมากมาย

6. ฟักทอง ถือเป็นพืชที่เป็นทั้งผักและผลไม้ มีสีเหลืองน่ารับประทาน ประกอบด้วยแร่ธาตุและสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 วิตามินอี วิตามินซี วิตามินเค ฟอสฟอรัส แคลเซียม โพแทสเซียม โซเดียม แมงกานีส ธาตุเหล็ก ซิงค์ และแร่ธาตุอื่น ๆ อีกมากมาย มีคุณประโยชน์ได้แก่ ควบคุมน้ำหนัก เนื่องจาก เป็นพืชที่มีไขมันน้อย น้ำตาลน้อยานแล้วอิ่มท้อง , ผิวพรรณผ่องใส เพราะในฟักทองมีคอลลาเจนตามธรรมชาตืที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังของเรา

7. ใบบัวบก ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา เพราะบัวบกมีวิตามินเอสูง ป้องกันเซลล์ลูกตาเสื่อม ทำให้สามารถแก้อาการขาดวิตามินเอได้ดี ทำให้ตาทำงานได้ดี และการมองเห็นที่ชัดเจน หากขาดวิตามินเอจะทำให้เกิดโรคตามัว ตาฝ้าฟาง และมีแคลเซี่ยมมาก เช่นกัน นอกจากนั้นยังมี · วิตามินบี 1 สูงกว่าผักหลาย ๆ ชนิด

8. แอล-ธีอะนีน ยังช่วยส่งเสริมให้คุณภาพของการนอนหลับดีขึ้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องนอนไม่เต็มอิ่ม ถ้าหากรับประทานก่อนนอน เพราะแอล-ธีอะนีนมีผลต่อกลไกการนอน มีงานวิจัยที่ทำมาเป็นอย่างดี สนับสนุนว่าการรับประทาน L-theanine 200 mg ก่อนนอน 1 ชั่วโมง จะช่วยให้คุณภาพการนอนดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงลดอาการสะดุ้งตื่นระหว่างที่นอนหลับด้วย

9. หญ้าหางม้า ช่วยบำรุงกระดูก เพิ่มความหนาแน่นของกระดูกอย่างมีนัยสำคัญ ช่วยในการสมานแผลและสุขภาพเล็บ ช่วยในการเจริญเติบโตของเส้นผม เนื่องจากหญ้าหางม้ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูงในการช่วยลดการชราของเส้นใยผมที่เกิดจากอนุมูลอิสระ และปริมาณซิลิกาที่สูงขึ้นในเส้นใยผมส่งผลลดการหลุดร่วงของเส้นผม

10. มะม่วง เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีรสชาติดี รับประทานได้ทั้งผลดิบและผลสุก ให้พลังงานสูง เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของโพแทสเซียม เส้นใยอาหาร และวิตามิน หลายคนเชื่อว่ามะม่วงอาจมีคุณสมบัติต้านเบาหวาน มะเร็ง การอักเสบ การติดเชื้อต่าง ๆ และต้านสารอนุมูลอิสระได้

11. โซเดียม แอสคอร์เบต  ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน, เพิ่มความแข็งแรงของเม็ดเลือดขาว, ต่อต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

12. คอลลาเจนไตรเปปไทด์  จากประเทศญี่ปุ่นที่มีอนุภาคเพียง 140 นาโนเมตร สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้โดยตรง ที่บริเวณลำไส้เล็กระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง ดังนั้นในช่วงเวลานี้คอลลาเจนไตรเปปไทด์จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ปริมาณมาก จึงทำให้กระบวนการเสริมสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินของผิวเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

13. คอลลาเจนไดเปปไทด์ ซึ่งมีโมเลกุลเฉลี่ยเล็กมากจึงไม่ถูกย่อยสลายในกระเพาะอาหาร แต่จะถูกดูดซึมผ่านผนังลำไส้เล็กและเข้าสู่กระแสเลือด ทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิวหนัง ตลอดจนช่วยยับยั้งการเสื่อมของเซลล์คอนโดไซด์ (Chondrocytes) ซึ่งทำหน้าที่สร้างกระดูกอ่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

14. กระดูกอ่อนจากปลาฉลาม  เป็นแหล่ง Calcium ปริมาณสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันการสลายตัวของกระดูกอ่อน ช่วยให้กระดูกอ่อนที่ข้อต่อแข็งแรง ยืดหยุ่นตัวสูง ทนต่อแรงกระแทกได้ดี ช่วยให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น ลดอาการปวดข้อและโรคข้อเสื่อม

15. คอลลาเจลไทพ์ ทู เป็นคอลลาเจนชนิดเดียวกับที่พบในเซลล์กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ แตกต่างจากคอลลาเจนที่พบในบริเวณผิวหนัง จะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของส่วนประกอบที่อยู่ในข้อ โดยกระตุ้นให้มีการสังเคราะห์เซลล์ใหม่เพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มระดับของกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำหล่อเลี้ยงในข้อและยังยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ย่อยสลายน้ำหล่อเลี้ยงข้อ มีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดข้อและข้อยึดได้ ทำให้การเคลื่อนไหวของร่างกายดีขึ้น